เมย์แบงค์ เป้า 6.50 บ.
เคทีบี เป้า 6.80 บ.
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : DRT แนะนำ TRAING BUY ปรับไปใช้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 6.5 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 6.20 บาท
|
ตั้งเป้า2560-2562โตปีละไม่น้อยกว่า5%
ประเด็นการลงทุน
ผู้บริหารยังคงตั้งเป้าหมายยอดขาย ปี 2560-2562 จะโตปีละไม่น้อยกว่า 5% แรงหนุนการเติบโตของตลาดส่งออก เพิ่มลูกค้าโครงการ และ ขยายลูกค้า Modern Trade พัฒนาสินค้าพรีเมี่ยมมากขึ้น เพิ่มความหลากหลายของสินค้า อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะอยู่ในระดับสูง 27% จากการควบคุมต้นทุนได้ดี เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้กำไรปี 2560 จะอยู่ในเกณฑ์ดีต่อ 417 ล้านบาท (+6%YoY) และ ยังมีอัพไซด์จากรายการพิเศษที่มีแนวโน้มจะขายที่ดินเปล่าจำนวน 36 ไร่ ซึ่งมีต้นทุนต่ำ DRT เป็นหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนดี 5.5-5.9% เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 6.5 บาท บนฐาน P/E 14 เท่า (Forward PE +1SD = 14x) เพิ่มขึ้นจากเดิม 6.20 บาท เราคงแนะนำ TRAING BUY
ตั้งเป้าหมายปี 2560-2562 โตปีละไม่น้อยกว่า 5%
DRT ได้จัดงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุนเมื่อวาน (8 มิ.ย.) ผู้บริหารยังคงตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2560-2562 จะเติบโตเฉลี่ยปีละไม่น้อยกว่า 5% มีอัตรากำไรขั้นต้น 25-27% และ สัดส่วนหนี้ต่อทุนน้อยกว่า 1 เท่า โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของตลาดส่งออก สัดส่วนจะเพิ่มจาก 18% เป็น 20% การเติบโตของลูกค้าโครงการ สัดส่วนจะเพิ่มจาก 11% เป็น 15% และ เพิ่มลูกค้า Modern Trade สัดส่วนจะเพิ่มจาก 11% เป็น 15% รวมถึง DRT ได้มีการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า และ เพิ่มงานบริการ คือ ติดตั้งหลังคา ขายสินค้าพรีเมี่ยมมากขึ้น ช่วยหนุนยอดขาย
คาดกำไร 2Q60 จะชะลอตัว แต่ยังโตจากปีก่อน และ ปี2560จะโตต่อ
ผลประกอบการในไตรมาส 2Q60 มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงจากไตรมาส 1Q60 เนื่องจากมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน และ ปีนี้ฝนมาเร็วและตกซุก ทำให้การก่อสร้างลำบาก แต่จะส่งผลบวกระยะยาวทำให้พืชผลทางการเกษตรดี แต่คาดกำไรจะยังเติบโตจากปีก่อน แรงหนุนอัตรากำไรขั้นต้นจะยังอยู่ในระดับสูง 27% เบื้องต้นเราประเมินกำไรประมาณ 120-125 ล้านบาท (-10%QoQ, +5%YoY) รวมปี 2560 เราประเมินยอดขาย เท่ากับ 4,339 ล้านบาท เติบโต 5% และ ประเมินกำไรสุทธิเท่ากับ 417 ล้านบาท เติบโต 6% โดยเรายังไม่รวมรายการพิเศษที่ดินเปล่าในมือที่มีโอกาสจะขายในปีนี้ จำนวน 36 ไร่ ที่จังหวัดชลบุรี โดยมีต้นทุนต่ำ จะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการ
ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ปันผลดี
ในปีนี้ทาง DRT ตั้งงบลงทุนเพียงเล็กน้อย 200 ล้านบาท แบ่งเป็นบำรุงรักษาเครื่องจักรประมาณ 100 ล้านบาท และ อีก 100 ล้านบาท จะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพ ในขณะที่สัดส่วนหนี้ต่อทุนในไตรมาสแรกลดลงเหลือเพียง 0.30 เท่า ทำให้ DRT ยังมีการจ่ายปันผลอัตราที่สูงได้ต่อเนื่อง มากกว่า 75% ของกำไร คาดจะปันผลในปี 2560 ประมาณ 0.34-0.35 บาท และ ปี 2561 ประมาณ 0.37-0.38 บาท
|
|
DRT มั่นใจครึ่งปีแรก ทำผลงานโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 5% หลังตลาดวัสดุก่อสร้างฟื้นตัวต่อเนื่อง
|
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -15 พ.ค. 60 10:43 น.
บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT โชว์ไตรมาส 1/60 เติบโตต่อเนื่อง ทำกำไรสุทธิได้ 135.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.66% เมื่อเปรียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัจจัยกำลังซื้อของลูกค้าที่ฟื้นตัว หนุนยอดขายสินค้าผ่านช่องทางขายกลุ่มห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ ร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายย่อยและลูกค้าโครงการที่อยู่อาศัยเติบโตยกแผง ดันอัตราการใช้กำลังการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้น รับแรงซื้อสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ยังมาแรงไม่มีแผ่ว มองไตรมาส /60 สัญญาณดีต่อเนื่องทั้งจากตลาดในประเทศและส่งออกไปกลุ่ม CLMV มั่นใจผลงานครึ่งปีแรกทำได้ตามเป้าที่จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5%
นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT มั่นใจแนวโน้มในไตรมาส 2/60 นั้น เชื่อว่ายังคงรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยจากตลาดวัสดุก่อสร้างในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากกำลังซื้อของผู้บริโภคต่างจังหวัดดีขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ได้ลงทุนขยายสาขาใหม่และกลุ่มลูกค้าโครงการได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ เพิ่มขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมยอดขายสินค้าในไตรมาส 2 และการเติบโตในครึ่งปีแรกที่คาดว่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 5% ตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/60 (มกราคม-มีนาคม 2560) ว่า บริษัทฯ ทำกำไรสุทธิ 135.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.83% เมื่อเปรียบกับช่วงเดียวของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 129.31 ล้านบาท (รวมกำไรพิเศษจากการขายที่ดินที่ไม่ได้ใช้งาน) หรือหากเปรียบกับกำไรสุทธิจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 106.19 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายที่ดินที่ไม่ได้ใช้งาน 23.12 ล้านบาท ) จะเติบโตถึง 27.66% และเติบโต 95.87% หากเทียบกับกำไรสุทธิในไตรมาส 4/59
ทั้งนี้ กำไรสุทธิของ DRT ในไตรมาสแรกของปีนี้ เติบโตได้อย่างโดดเด่นมาจากความสำเร็จในการบริหารจัดการด้านช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ จึงสามารถผลักดันยอดขายเติบโตได้ดีทุกช่องทาง โดยมีกลุ่มห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ กลุ่มลูกค้าโครงการและกลุ่มร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายย่อยในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี เนื่องจากคู่ค้ามีการลงทุนโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และกำลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัดที่ดีขึ้นจากราคาพืชผลทางการเกษตรปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกับตลาดส่งออกไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาและเวียดนาม) ที่ยังมีอัตราการขยายตัวที่ดีเช่นกัน
ส่วนภาพรวมรายได้ในไตรมาส 1/60 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 1,160.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 25.16% หากเทียบกับไตรมาส 4/59 ซึ่งมาจากความสำเร็จในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่มีมูลค่าเพิ่มและการบริหารจัดการด้าน Product Mix รวมถึงการดำเนินกิจกรรมการตลาดที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ส่งผลให้สัดส่วนยอดขายสินค้าผ่านกลุ่มห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่เพิ่มเป็น 14% ส่วนกลุ่มลูกค้าโครงการอยู่ที่ 11% และตลาดส่งออกอยู่ที่ 18% ส่วนที่เหลือเป็นยอดขายที่มาจากร้านค้าปลีกรายย่อยทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
“เราพอใจผลงานในไตรมาสแรกของปีนี้ ที่สามารถผลักดันการเติบโตได้ดีทั้งในแง่ของรายได้และกำไรสุทธิ โดยมาจากการบริหารจัดการด้านการผลิตที่มีประสิทธิภาพ การดำเนินกิจกรรมการตลาดที่ช่วยกระตุ้นยอดขายและสินค้าที่มีความหลากหลายสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ กระเบื้องคอนกรีตและกระเบื้องจตุลอนที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายทั้งตลาดในประเทศและส่งออก ทำให้ภาพรวมอัตราการใช้เครื่องจักรเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นเป็น 90% ของกำลังการผลิตทั้งหมด” นายสาธิต กล่าว |
|
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : DRT แนะนำซื้อ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6.80 บาท
|
คาดกำไรปกติ 1Q17 ทำได้ดี และมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องใน 2Q17 คาดกำไรปกติ 1Q17 ทำได้ดี เพิ่มขึ้น 75% QoQ และ 14% YoY แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q17 ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง คาดเติบโตทั้ง QoQ และ YoY จากการเข้าสู่ช่วง High Season ปรับคาดการณ์กำไรปี 2017 ขึ้น โดยคาดกำไรปกติยังเติบโตได้ดีราว 18% YoY ยังแนะนำ ซื้อ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6.80 บาท
คาดกำไรปกติ 1Q17 ทำได้ดี เพิ่มขึ้น 75% QoQ และ 14% YoY
เราคาดกำไรสุทธิ 1Q17 ที่ 121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% QoQ แต่ลดลง 6% QoQ อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายที่ดินหลังภาษีในงวด 1Q16 ที่ 23 ล้านบาท คาดว่ากำไรปกติ 1Q17 จะเติบโตได้ดี 14% YoY โดยเป็นผลจากเราคาดว่ารายได้ใน 1Q17 จะเติบโต 25% QoQ และ 4% YoY เป็น 1,154 ล้านบาท จากปัจจัยบวกที่เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลก่อสร้าง โดยช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้านค้า Modern Trade วัสดุก่อสร้าง มีการเติบโตได้โดดเด่นสุด จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไปซื้อวัสดุก่อสร้างที่ร้านค้า Modern Trade มากขึ้น รวมถึงการเพิ่มช่องทางการขายผ่านงานโครงการทำได้ดีขึ้น ด้านสินค้าที่มีการเติบโตได้โดดเด่นในงวด 1Q17 ได้แก่ กระเบื้องหลังคา “จตุลอน” ในกลุ่มสินค้าหลังคา Fiber Cement ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นแทนกระเบื้องหลังคาลอนคู่ รวมถึงกระเบื้องคอนกรีตแบบเรียบ “อดามัส” ในกลุ่มหลังคาคอนกรีต ที่มีสัดส่วนการขายมากขึ้น ซึ่งกระเบื้องหลังคาอดามัสยังมีอัตรากำไรขั้นต้นทีดีกว่ากระเบื้องคอนกรีตแบบลอนด้วย ด้านอัตรากำไรขั้นต้นในงวด 1Q17 คาดว่าจะอยู่ที่ 27% ดีขึ้นจาก 1Q16 ที่ 25.9% จากอัตราการใช้กำลังการผลิตในงวด 1Q17 ที่สูงขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ (โดยเฉลี่ยอัตราการใช้กำลังการผลิตในงวด 1Q17 อยู่ที่ 90%) และผลของ Product Mix อย่างไรก็ตาม สำหรับสินค้าอิฐมวลเบา เราคาดว่าผลการดำเนินงานในงวด 1Q17 จะยังมีผลขาดทุนอย่างต่อเนื่อง จากการแข่งขันด้านราคาสินค้าอิฐมวลเบาที่ยังรุนแรง
แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q17 ยังมีโมเมนตัมที่ดีอย่างต่อเนื่อง ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ขึ้นเล็กน้อย
เราคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q17 ยังมีทิศทางที่ดีเติบโตเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY อย่างต่อเนื่อง ตามปัจจัยฤดูกาล, ผลของราคาสินค้าเกษตรที่ดีขึ้น คาดจะส่งผลบวกต่อกำลังซื้อจากฐานลูกค้าหลักในต่างจังหวัด รวมถึงคาดว่ากำลังซื้อในภาคใต้จะดีขึ้นจากต้น 1Q17 ที่มีปัญหาน้ำท่วม รวมถึงยังมีการเตรียมสต็อกสินค้าให้พร้อมขายมากขึ้นกว่า 1Q17 นอกจากนั้น ยังมีการเร่งการขายโดยการจัดกิจกรรมการตลาดเชิงรุกในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในงวด 2Q17 ยังมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง และผลของ Product Mix ทั้งนี้ เรามีการปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ขึ้นเล็กน้อยราว 3% เป็น 435 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY แต่หากเทียบกำไรปกติคาดเพิ่มขึ้น 18% YoY เนื่องจากเรามีการปรับเพิ่มคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ขณะที่คาดรายได้ในปี 2017 เรายังคงคาดว่าจะเติบโต 5% YoY โดยคาดว่ายอดขายจะเติบโตได้ในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะช่องทางการขายผ่าน Modern Trade ต่างๆ ที่มีการเปิดสาขาใหม่ และยอดขายต่อสาขาเดิมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดขายผ่านงานโครงการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้โดดเด่น ประกอบกับยอดส่งออกที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นโดยเฉพาะในประเทศลาว
แนะนำ ซื้อ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6.80 บาท
เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 6.80 บาท จากเดิม 6.30 บาท เนื่องจากเราปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ขึ้น และปรับเพิ่ม PER เป็น 15 เท่า จากเดิมที่ 14 เท่า DRT ยังจัดว่าเป็นหุ้นปันผลดี โดยเราประเมินอัตราการจ่ายเงินปันผลงวดปี 2017 ที่ 5.4%
ความเสี่ยง: ผลิตภัณฑ์ที่ใช้แร่ใยหินอาจมีความนิยมลดลงและหากถูกสั่งยกเลิกการใช้แร่ใยหินในอนาคตจะมีผลกระทบต่อรายได้และอัตรากำไร และการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ทำให้มีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น |
|
New and used slot machines - Pragmatic Play - AprCasino
ตอบลบNEW AND NEW deccasino SLOT MACHINES WITH A HIGH RTP! aprcasino For the ultimate wooricasinos.info high-quality https://vannienailor4166blog.blogspot.com/ gaming experience, Pragmatic Play offers all sporting100 of the